แชร์

ทริคง่าย ๆ พื้นที่ห้องตารางเมตรคิดยังไงให้เหมาะกับ BTU แอร์

อัพเดทล่าสุด: 6 มิ.ย. 2024
417 ผู้เข้าชม

เพราะทุกครั้งที่เลือกซื้อแอร์ต้องเลือก BTU แอร์ให้เหมาะกับขนาดห้องก่อนเสมอ อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า BTU ซึ่งย่อมาจาก British Thermal Unit คือหน่วยที่ใช้วัดขนาดในการทำความเย็นของแอร์ ดังนั้นการคำนวณพื้นที่ห้องก่อนที่จะเลือกซื้อแอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากการเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน

วิธีคำนวณพื้นที่ขนาดห้องให้เป็นตารางเมตรเพื่อเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสม ตารางเมตร คิดยังไง? วิธีการคำนวณ BTU ให้เหมาะสมกับห้องขนาดห้องควรเลือกแบบไหน เราจะมาเคลียร์ทุกคำตอบ 

ก่อนที่จะรู้วิธีการคำนวณ มาทำความเข้าใจกับ หน่วย ของพื้นที่กันก่อน โดยทั่วไปแล้ว หน่วยของพื้นที่ที่อยู่อาศัยจะมีด้วยกัน 2 หน่วยหลัก ๆ คือ ตารางวา (ตร.ว.) และตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งแต่ละหน่วยจะใช้แตกต่างกัน ตารางวา จะใช้กับการพูดถึงที่ดิน และสำหรับ ตารางเมตร จะใช้สำหรับพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด  ซึ่งวิธีการเทียบค่าระหว่างหน่วย ตารางวา กับ ตารางเมตร จำได้ง่าย ๆ คือ 1 ตารางวา จะเท่ากับ 4 ตารางเมตร

ยกตัวอย่างวิธีการคำนวณพื้นที่ใช้สอย หรือห้องของคุณให้เป็นตารางเมตรได้ตามด้านล่างนี้

กรณีที่เป็นพื้นห้องของคุณที่ต้องการจะรู้ว่ามีกี่ตารางเมตร ให้ทำการตรวจสอบห้องคุณด้วยการทราบถึงขนาดห้องว่ามีความกว้าง และความยาว อย่างละกี่เมตรก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้นำมาคำนวณพื้นที่เป็นตารางเมตรได้ไม่ยาก ด้วยสูตรพื้นที่กว้าง X ยาว อย่างเช่น ห้องนอนมีขนาดกว้าง 4.5 เมตร และยาว 6 เมตร นำไปคิดเป็นหน่วยตารางเมตรจะเท่ากับ 4.5 X 6 = 27 ตารางเมตร

จากนั้นให้คุณนำพื้นที่ตารางเมตรที่ได้ไปคำนวณ BTU ที่เหมาะสมกับห้องขนาดต่าง ๆ เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างเต็มที่ ช่วยประหยัดค่าไฟ และทำให้แอร์มีอายุการใช้งานในระยะยาว สำหรับวิธีการคำนวน BTU ที่เหมาะสมกับห้องขนาด จะมีปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มตามนี้

1. ขนาดห้องของหน้าต่าง ขนาดของประตู หรือหน้าต่างกระจก รวมไปถึงมุมต่าง ๆ ของห้อง

2. ทิศทางของห้องว่ารับแสงแดด และโดนแดดมากน้อยแค่ไหน มีระดับความแตกต่างที่เป็นระดับความร้อนในช่วงเวลากลางวัน และกลางคืนที่แตกต่างกัน

3. วัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนช่วยลดความร้อนใต้หลังคา

4. จำนวนผู้อาศัย หรือจำนวนคนที่อยู่ภายในห้อง รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ

5. ความถี่ในการเปิด-ปิดประตู และความถี่ในการเข้า-ออก

ค่า BTU = พื้นที่ของห้อง (ขนาดกว้าง x ยาว) x ระดับความแตกต่าง อธิบายเพิ่มเติมคือ พื้นที่กว้าง x ยาว ของห้องจะใช้หน่วยเป็นเมตร เมื่อได้พื้นที่ที่เป็นตารางเมตรเรียบร้อยแล้วให้นำไป x กับระดับความแตกต่าง ซึ่งสำหรับระดับความแตกต่างที่เป็นระดับความร้อนในช่วงเวลากลางวัน และกลางคืน จะมีค่าระดับความต่างจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

ห้องที่ใช้เฉพาะเวลากลางคืน มีความร้อนน้อย ระดับความต่างประมาณ 700 

ห้องที่ใช้ตอนกลางวันบ่อย ๆ มีอัตราความร้อนสูง ระดับความต่างประมาณ 800

ในการเลือก BTU ที่เพียงพอ และเหมาะสม มีสูตรการคำนวณ BTU  คือ

BTU =  พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว ) x ตัวแปรความแตกต่าง
ตัวแปรความแตกต่างจะมีตามนี้ เลือกให้เหมาะสมแล้วนำไปคำนวณเพื่อหาค่า BTU

700 สำหรับห้องนอนปกติ
800 สำหรับห้องนอนโดนแดด
800 สำหรับห้องทำงาน ปกติ
900 สำหรับห้องทำงาน และโดนแดด
950 1,100 สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน
1,000 1,200 สำหรับร้านอาหาร  ร้านค้า สำนักงาน
1,100 1,500 ห้องประชุม ห้องสัมมนาร้านอาหารชาบู ปิ้งย่าง หรือร้านอาหารที่มีหม้อต้มหรือเตาความร้อนสูง หรือห้องที่มีจำนวนคนต่อพื้นที่เยอะกว่าปกติหลายเท่า

ตัวอย่างการคำนวณ
ห้องนอนที่ไม่ค่อยโดดแดด กว้าง 4.5 เมตร ยาว 6 เมตร จะได้ค่า BTU เท่ากับ
BTU = [4.5 เมตร x 6 เมตร] x 700 = 27
ตารางเมตร x 700 = 18,900

นั่นหมายความว่าห้องนอนของคุณควรใช้แอร์ที่ระดับ 18,900 BTUสามารถยึดเกณฑ์การเลือก BTU แอร์ได้ดังนี้
เครื่องปรับอากาศขนาด 8,500 BTUเหมาะกับห้องขนาด 10-12 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 7-9 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU เหมาะกับห้องขนาด 14-16 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 11-13 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 18,000 BTU เหมาะกับห้องขนาด 22-24 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัดเหมาะกับห้องขนาด 19-21 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 20,400 BTU เหมาะกับห้องขนาด 25-27 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 22-24 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 25,200 BTU เหมาะกับห้องขนาด 31-33 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 28-30 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

ซี่งโดยปกติแล้วพื้นที่ห้องที่เลือกแอร์ที่มีค่า BTU ที่สูงเกินไป จะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ที่ทำงานนั้นเกิดการตัดบ่อย และส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของแอร์ลดลง ทำให้เกิดความชื้นในห้องสูง จะรู้สึกไม่สบายตัวตอนเปิดแอร์ได้

ในทางกลับกันหากคุณเลือก BTU ที่มีค่าต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนักตลอดเวลา ความเย็นของห้องคุณจะไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าการเลือกแอร์ที่มีค่า BTU พอดีกับขนาดห้อง และทำให้อายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศสั้น เครื่องปรับอากาศมีโอกาสเสียเร็วกว่าเดิมอีกด้วย

สงสัยเกี่ยวกับการคำนวณค่า BTU เราช่วยได้
สามารถคำนวณค่า BTU ได้อย่างแม่นยำกับเรา เพราะการเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้องเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เนื่องจากค่า BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้องจะทำให้เครื่องปรับอากาศสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หมดกังวลเรื่องแอร์ไม่เย็น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟ และทำให้ไม่สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่ใช่เหตุอีกด้วย

เมื่อคุณได้ค่า BTU ที่เหมาะกับห้องของคุณเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ อย่างเครื่องปรับอากาศเรานวัตกรรมความเย็นเพื่อความสุข ได้รับการการันตีเรื่องความประหยัดไฟจากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และประหยัดค่าไฟได้มากกว่าเดิม ในระดับประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 5 ดาว จากการทดสอบของ กฟผ. และกระทรวงพลังงาน สามารถ


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy